…กลับมาสวัสดีอีกครั้งครับ สำหรับวันนี้ก็จะเป็นเรื่องของของเล่นสบายๆกันสักชิ้น ที่กำลังฮิตติดชาร์ท Wish list ของใครหลายๆคนในยุคสมาร์ทโฟนเกลื่อนเมืองไปแล้วสำหรับ iPad จาก Apple ซึ่งมันก็คืออุปกรณ์ที่เขานิยามว่ามันคือ “Tablet” หรือภาษาไทยนั้นแปลว่า กระดานชนวน นั้นแหละครับ ซึ่งผมคิดว่าในวงการเราๆท่านๆนี้ มันไม่ใช่เรื่องใหม่น่าตื่นเต้นแต่อย่างใด เพราะเมื่ออดีตกาลนานมาแล้ว มันเคยมี “Tablet PC” ที่มีลักษณะเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก พับจอให้เป็นรูปร่าง Tablet และจอสัมผัสได้มาแล้ว แต่สำหรับ iPad นั้นต่างกันครับ เพราะ iPad ไม่มี คีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ ใช้จอคาปาซิทีฟ มัลติทัช แบบเดียวกับไอโฟน และใช้ระบบปฏิบัติการ และฮาร์ดแวร์หลายๆอย่าง ที่แทบจะเหมือนๆกับโทรศัพท์ไอโฟนนั้นเอง ซึ่งในรายละเอียดนั้นจะเป็นอย่างไร เราจะมาเปิดกล่อง ลองสัมผัสเจ้า iPad กันในบทความนี้เลยครับ
กล่องของตัวไอแพด ทำออกมาอย่างเรียบง่าย เปิดง่าย แต่ดูดี …
เอาล่ะเปิดกล่องออกมา ก็จะพบกับชุดชาร์เจอร์ พร้อมกับกล่องกระดาษกล่องหนึ่ง เรามาดูกันต่อครับ …
มันคือคู่มือผู้ใช้อย่างง่ายๆ ทำออกมาน่าสนใจดี และห่อไว้อย่างน่ารักน่าชังจนผมไม่กล้าแกะ
…ตัวเครื่อง iPad นั้นมีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว และดีไซน์ทั้งหมด ก็จะคล้ายๆกับอุปกรณ์ในกลุ่ม i … ทั้งหลายของทางแอปเปิ้ล รวมไปถึงไอโฟน ชัดเจนตรงปุ่มกลมๆที่เรียกว่าปุ่ม Home จะผิดอย่างหนึ่งก็ที่ขนาดที่ใหญ่กว่ากันมากเลยทีเดียวครับ
…จอของ iPad นั้นเป็นจอขนาด 9.7 นิ้ว ความละเอียด 1024×768 พิกเซล ซึ่งจะว่าๆไปแล้วความละเอียดระดับนี้ เราก็จะพบได้กับจอ CRT ยุคเมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อนนี้ ถือว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นพอสมควรเลยครับว่าถ้าใครมีจอใช้ความละเอียดระดับนี้ได้ ซึ่งตอนนี้ปี 2011 มันก็ได้ลงมาอยู่ในมือของท่านแล้วกับ iPad !!ส่วนระบบสัมผัสบนจอนั้นก็เป็นแบบที่ผู้ใช้ไอโฟนและไอพอดทัชทุกท่านคุ้นเคยคือเป็นแบบ Capacitive , LED Backlit ใช้งานกับระบบมัลติทัชได้สมบูรณ์แบบ
เคสในส่วนด้านหลังเครื่อง ทำมาจากอะลูมิเนียม แข็งแรง และสวยงาม เวลาเล่นในห้องแอร์ ตัวเคสนั้นก็จะออกเย็นๆดีครับ ตัวที่ผมได้มานี่ เป็นตัว 16Gb พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ 3G และสามารถใช้เป็นโทรศัพท์ได้ด้วย
…ด้านใต้เครื่อง (บริเวณใต้ปุ่ม Home) นั้นจะเป็นตำแหน่งของพอร์ตเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องใช้งานร่วมกับโปรแกรม iTunes ในการถ่ายโอนไฟล์จำพวกวีดีโอหรือเพลง ถัดไปจะเป็นลำโพง(สามช่องที่เห็น) เห็นขนาดเล็กเท่านี้ ผมขอบอกว่า ซุ่มเสียงนั้น ไม่เป็นรองใครแน่ๆครับ สำหรับตลาด Tablet ตอนนี้ที่มีคนทำเลียนแบบ iPad มา เท่าที่ผมได้เคยทดลองใช้งานของค่ายหนึ่งที่เป็นระบบ Android ผมก็ยังพบว่า iPad นั้นยังคงเป็น Tablet ที่มีสุ่มเสียงที่ฟังแล้วไพเราะเสนาะหูที่สุดในกลุ่มอุปกรณ์พวกนี้แล้ว เบสนั้นมีออกมาให้ได้ยินเรื่อยๆ เสียงย่านสูงก็ใสใช้ได้ไม่บาดหู รายละเอียดเสียงครบถ้วนฟังแล้วแฮปปี้แน่นอนครับ
ด้านขวามือนั้นจะมีปุ่มสำหรับปรับโวลุ่ม และปุ่มเลื่อนล็อคการปรับหน้าจอแนวตั้ง-นอน อัตโนมัติเมื่อเอียงเครื่อง ซึ่งในเครื่องที่ผมได้รับมานั้นเหมือนว่าจะมีการตั้งให้มันเป็นปุ่มสำหรับปิดเสียงไปแล้ว
ด้านบนจะเป็นช่องสำหรับแจ๊กหูฟัง 3.5mm ทั่วไป ส่วนด้านซ้ายมือของผู้อ่านจะเป็นปุ่มสำหรับเปิดปิดเครือ่ง หรือล็อคเครื่อง
ขนาด 9.7 นิ้วส่วนตัวผมคิดว่าค่อนข้างจะเป็นอุปสรรค์เล็กน้อยสำหรับการถือด้วยมือเพียงข้างเดียว การใช้งานนั้นยังถือว่าออกแบบมาได้ตามหลัก ergonomics ดี แต่ว่ายังไม่สะดวกมากนักด้วยขนาด ซึ่งจะแลกมาด้วยความสะดวกสบายเวลาเปิดดูหน้าเว็บ หรือวีดีโอที่ใหญ่สะใจ
การใส่ซิม ด้านข้างเครื่องจะมีถาดใส่ซิมแบ Micro Sim เฉพาะของ Apple ซึ่งก็คงต้องไปติดต่อกับทางผู้ให้บริการที่ท่านจะเลือกใช้ว่า มี Micro Sim ขายให้หรือไม่
การเอาถาดไมโครซิมออกมาก็ค่อนข้างวุ่นวายนิดหนึ่งครับ แต่ปลอดภัย เพราะต้องใช้เจ้าก้านเล็กๆดังรูปด้านบนนี่แหละ ในการดึงมันออกมา
นอกจากนี้ผมก็ไม่ลืมที่จะทดลองเอาไปชั่ง น้ำหนัก ว่ากันไปตามเรื่องครับกับน้ำหนัก 709 กรัม
————————————————–
Handset & Conclusion
เริ่มจากอินเตอร์เฟสหน้าแรก ที่ผมเชื่อว่าน่าจะทำความเข้าใจได้ไม่ยากครับ มี Short cut อยู่ด้านล่าง สี่รูป คือ Safari สำหรับเปิดเว็บ (เป็นบราวเซอร์ของเขาล่ะ) ถัดมาเป็น email รูปภาพ แล้วก็ iPod ที่ไว้สำหรับเปิดเพื่อฟังเพลงที่ Sync มาจาก iTunes
หน้าจอการ setting เพื่อต่อเข้ากับ WiFi ก็ง่ายมากๆครับ เปิดสวิช แล้วใส่รหัส เท่านั้นก็จบแล้ว ใช้งานได้ตลอด ส่วนเรื่องของ 3G นั้นผมยังไม่ได้ทดลองใช้งานนะครับ เพราะว่าในมือผมขณะที่ได้ตัวไอแพดมานั้นไม่มี Micro Sim ให้ใช้
…จุดเด่นอย่างหนึ่งของ I OS 4.0 ที่เหมือนกับตัว iPhone 4 ก็คือความสามารถในการทำ Taskmanager ที่ซึ่งคุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยครับว่ามันทำอะไรอยู่บ้าง ถ้าไม่ลองกดปุ่ม Home สองที (แบบดับเบิลคลิก) คุณก็จะพบว่า มันมีโปรแกรมมากมาย ค้างคาอยู่ในเมมโมรี ดังภาพ … กล่าวคือ ทุกครั้งที่เรากดออกโปรแกรม (ปุ่ม home) ตัวโปรแกรมนั้นจะยังคงค้างอยู่ในเมมโมรีหลักของเครื่อง ซึ่งการกดปิดก็ทำได้โดยกดแช่บนจอที่ตัวไอคอนโปรแกรมค้างไว้ แล้วจะมีเครื่องหมายมาให้กดปิดได้ครับ
…จากการทดลองใช้งาน ผมลองเปิดเครื่องทิ้งไว้ นานสุดโดยไม่ได้เข้ามายุ่งกับ Task manager เลยเป็นเวลากว่าสองวัน ก็พบว่า ไม่ว่าจะเล่นเกม ฟังเพลง ก็ไม่พบว่ามีอาการหน่วงแต่อย่างใดเลยครับ แต่มองในมุมลบก็คือ ผมก็ไม่ค่อยเก็ตไอเดียเท่าไหร่ว่าเขาจะมีไอ่เจ้า Multi tasking แบบนี้ไว้ทำอะไร
จุดเด่นอีกอย่างเลยก็คือความสามารถในการเปิดหน้าเว็บสำหรับเจ้า iPad ซึ่งตัวบราเซอร์ Safari ก็สามารถทำได้ดีเหมือนกับบราเซอร์บนเครื่องเดสก์ทอพทั่วไปแหละครับ แต่ติดก็ตรงที่ว่ามันไม่สามารถอ่านไฟล์พวกภาพเคลื่อนไหว flash ได้ ตรงนี้ทาง apple ก็เคยได้ให้เหตผลไว้ว่า เขาคิดไกลกว่า Flash แต่คิดไปถึง HTML5 ซึ่งสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหว และแอพพลิเคชั่นบนเว็บได้เหมือนกันนั้นเอง …
อย่างหนึ่งที่ผมชอบก็คือจอขนาดใหญ่แบบนี้ เมื่อวางเครือ่งในแนวนอนแล้ว on screen keyboard แทบจะสามารถใช้นิ้ววางพิมพ์ได้แบบคีย์บอร์ดทั่วๆไปเลยทีเดียว
หรือจะใช้งานแนวตั้ง ก็สามารถใช้งานได้ค่อนข้างคล่อง
E-Book ในตัวเครื่อง Ipad นั้นก็มีลุกเล่นมากมายครับ อย่างในภาพนั้นเป็นนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ของ BMW ที่มีลูกเล่น ใส่ภาพเคลื่อนไหวลงไปในแต่ละคอลัมน์ แต่ละหน้าด้วย ดูน่าสนใจและสวยงามน่าอ่านมากๆ
โปรแกรมอะไรที่เคยใช้งานได้บนไอโฟน ก็สามารถนำมาใช้งานบน iPad ได้ครับ แต่ว่าบางโปรแกรมนั้นจะใช้งานได้ไม่เต็มจอ ต้องกดขยาย ซึ่งผลลัพท์ก็คือ ภาพมันอาจจะมีแตกๆบ้างเล็กน้อย แต่ก็สามารถใช้งานได้ ดังภาพด้านบนครับ
Youtube นั้นมีโปรแกรมเฉพาะให้เสร็จสรรพ อินเตอร์เฟสน่าสนใจ ส่วนตัวผมคิดว่าสวยกว่าหน้าเว็บที่เราใช้ๆกันอยู่ทุกวันนี้อีกครับ
หรือจะสั่งให้เล่นวีดีโอจาก youtube เต็มๆจอแบบนี้ ก็ได้เช่นกัน.
.
.
.
…สำหรับ iPad 16gb ในตอนท้ายนี้ก็ขอสรุปไว้เลยครับว่า เป็นของเล่นสำหรับคนไอทียุคใหม่ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง สำหรับคนที่ไม่ชอบพกเครื่องแลปทอปใหญ่ๆ เอาไว้ใช้งานแค่เพียงเช็คเมล เล่นเน็ท หรือฟังเพลง ซึ่งผมก็จะขอสรุปข้อดีข้อเสียไว้ด้านล่างนี้คร่าวๆเลยนะครับ
- พกพาสะดวก ในขณะที่ขนาดจอใหญ่ เหมาะสำหรับการนำไปใช้งานที่สถานที่อย่างร้านกาแฟ หรืออื่นๆ
- อินเตอร์เฟสใช้งานง่าย ไม่ต่างอะไรไปจากไอโฟนมากนัก
- ลำโพงและเครื่องเล่นไอพอดในตัว เสียงดีมากๆ
- บอดี้อะลูมิเนียม สวยงาม ชวนสัมผัส แต่จับไม่ค่อยถนัดต้องถือสองมือ เพราะเครื่องใหญ่ ต้องไปหาเคสใส่สักหน่อย
- เชื่อมต่อไร้สายได้ครบถ้วน WiFi , 3G (ในบางรุ่น)
ข้อเสีย
- ไม่มีกล้องหน้า ไม่มีกล้องในตัว เล่น Facetime กับพวก iPhone/iPod Touch ใหม่ๆไม่ได้ครับ
- บอดี้นั้นค่อนข้างบาง บางทีก็อาจจะพบว่าจับถือได้ไม่ค่อยถนัดมือนัก แต่การวางตำแหน่งปุ่มควบคุมรองๆใช้งานได้สะดวกมาก
- ใช้ซิมการ์ดแบบ “Micro Sim” ซึ่งก็ต้องวุ่นวายไปหามาใช้งานเพิ่มเติม เพราะไม่เหมือนกับซิมการ์ดโทรศัพท์ทั่วๆไป
.
.
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น